ฝ้า ปัญหาผิวที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ – 4 สาเหตุการเกิดฝ้า และการป้องกัน

ฝ้า … ปัญหาผิวที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ เรื่องราวและวิธีรับมือ

ฝ้า คำนี้คงคุ้นหูหลายๆ คนนะคะ เป็นปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน เพราะนอกจากจะทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใสแล้ว ยังส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย วันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึง ฝ้า ว่ามันคืออะไร เกิดจากอะไร มีลักษณะอย่างไร และเราจะดูแลผิวหน้าอย่างไรให้ห่างไกลจากฝ้ากันค่ะ

ฝ้า คืออะไร?

ฝ้า หรือ Melasma เป็นรอยด่างดำบนผิวหน้า มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาล หรือดำ มักพบได้บ่อยบริเวณแก้ม หน้าผาก จมูก และริมฝีปากบน ฝ้าเกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีในผิวหนังผลิตเมลานินออกมาในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดรอยดำขึ้นบนผิวหนัง

สาเหตุของ ฝ้า

สาเหตุของฝ้ามีหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น

• แสงแดด: รังสี UV จากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้เกิดฝ้า รังสี UV จะไปกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีในผิวหนังผลิตเมลานินออกมาเพื่อปกป้องผิว ทำให้เกิดรอยดำขึ้น
• ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การตั้งครรภ์ การรับประทานยาคุมกำเนิด การใช้ฮอร์โมนทดแทน หรือภาวะรังไข่ทำงานผิดปกติ สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้
• พันธุกรรม: ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นฝ้า มีโอกาสเป็นฝ้าได้สูงขึ้น เนื่องจากพันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตอบสนองของผิวต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ
• การอักเสบของผิว: การอักเสบของผิวจากสิว การแพ้ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม อาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้
• ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาต้านการชัก หรือยาขับปัสสาวะ อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดฝ้าได้

ลักษณะของฝ้า

ฝ้ามีลักษณะเด่นคือ เป็นปื้นสีน้ำตาล หรือดำ มักเกิดขึ้นสมมาตรทั้งสองข้างของใบหน้า เช่น แก้มทั้งสองข้าง หรือหน้าผากทั้งสองข้าง ฝ้าอาจมีขอบเขตชัดเจน หรือไม่ชัดเจนก็ได้ และอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้

ฝ้ามีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาล หรือดำ อาจมีขอบเขตชัดเจนหรือไม่ชัดเจนก็ได้ และมักเกิดขึ้นสมมาตรทั้งสองข้างของใบหน้า

การแบ่งชนิดของฝ้า

• ฝ้าตื้น: ฝ้าที่เกิดขึ้นใกล้ผิวหนัง มีสีเข้ม ขอบชัดเจน มักพบในผู้หญิงวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว
  • ฝ้าตื้น คือ ฝ้าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบนผิวหนังชั้นบนสุด หรือที่เรียกว่าหนังกำพร้า (epidermis) มีลักษณะเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลเข้ม หรือสีเทาดำ เห็นขอบเขตของฝ้าชัดเจน มักพบเจอบริเวณผิวหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่โดนแสงแดดและมลภาวะได้ง่าย
  • ฝ้าตื้นเกิดจากอะไร?
  • สาเหตุหลักของฝ้าตื้น เกิดจากปฏิกิริยาของผิวหนังต่อแสงแดด รังสี UV จากแสงแดดจะไปกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีในผิวหนังผลิตเมลานินออกมาในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้เกิดรอยดำขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ เช่น ฮอร์โมน การอักเสบของผิว และพันธุกรรม ก็มีส่วนทำให้เกิดฝ้าตื้นได้เช่นกัน
  • ทำไมฝ้าตื้นถึงรักษาง่ายกว่าฝ้าชนิดอื่น?
  • เนื่องจากฝ้าตื้นเกิดขึ้นบนผิวหนังชั้นบนสุด การรักษาก็สามารถทำได้ง่ายกว่าฝ้าลึก เพราะผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและครีมรักษาฝ้าต่างๆ สามารถเข้าถึงและแก้ไขปัญหาได้โดยตรง
• ฝ้าลึก : ฝ้าที่เกิดขึ้นลึกลงไปในผิวหนัง มีสีอ่อนกว่าฝ้าตื้น ขอบไม่ชัดเจน มักพบในผู้หญิงวัยกลางคน
  • ฝ้าลึก หรือ Dermal Melasma คือ ฝ้าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังกำพร้า (Epidermis) ต่างจากฝ้าตื้นที่เกิดขึ้นบนผิวหนังชั้นนอก ฝ้าลึกจึงมีลักษณะที่แตกต่างและการรักษาก็มีความซับซ้อนมากกว่า
• ลักษณะของฝ้าลึก
  • สี: มักเป็นสีน้ำตาลอ่อน สีเทา หรือสีเทาอมฟ้า
  • ขอบเขต: ไม่ชัดเจน มักกระจายตัวเป็นบริเวณกว้าง
  • ตำแหน่ง: พบได้ทั่วใบหน้า เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม จมูก และคาง
  • ความรู้สึก: ผิวอาจรู้สึกหนาขึ้นเล็กน้อย
• ทำไมฝ้าลึกรักษายากกว่าฝ้าตื้น?
  • ตำแหน่ง: ฝ้าลึกเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังที่ลึกกว่า ทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไปเข้าถึงได้ยาก
  • ความซับซ้อน: การรักษาฝ้าลึกต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่า เช่น เลเซอร์ หรือการใช้สารเคมีที่เข้มข้น
• วิธีการรักษาฝ้าลึก
  • เลเซอร์: เป็นวิธีที่นิยมใช้ในการรักษาฝ้าลึก เนื่องจากสามารถเข้าถึงชั้นผิวหนังที่ลึกได้
  • ยา: แพทย์อาจสั่งจ่ายยาที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสี หรือยาทาที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว
  • การผลัดเซลล์ผิว: การใช้สารเคมีผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA เพื่อช่วยให้ผิวดูสว่างขึ้น
  • การรักษาอื่นๆ: การใช้แสง IPL, การฉีดสารเติมเต็ม

การป้องกันและดูแลผิวหน้าจากฝ้า

แม้ว่าฝ้าจะรักษายาก แต่เราก็สามารถป้องกันและดูแลผิวหน้าไม่ให้เกิดฝ้าได้ โดยการปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้

• หลีกเลี่ยงแสงแดด: สวมหมวก กางร่ม และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ก่อนออกจากบ้านเสมอ
• เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารระคายเคือง และเหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง
• ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: หากมีปัญหาเรื่องฝ้า ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาที่ถูกต้อง
• หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงๆ: การขัดผิวแรงๆ อาจทำให้ผิวอักเสบ และทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้น
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: การรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระสูง จะช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง

สรุป

ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่พบบ่อย และอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองได้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงแสงแดด และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม หากมีปัญหาเรื่องฝ้า ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำในการรักษาที่ถูกต้อง

คำแนะนำเพิ่มเติม

• อย่าซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ได้รับการรับรอง: ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ และมี อย.
• อย่าเชื่อโฆษณาเกินจริง: ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ้างว่ารักษาฝ้าได้ภายในระยะเวลาอันสั้น อาจไม่ปลอดภัย
• มีความอดทน: การรักษาฝ้าต้องใช้เวลา และต้องทำอย่างต่อเนื่อง

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการดูแลผิวหน้าของทุกคนนะคะ

ครีมทาฝ้า #ดูแลผิว #บำรุงผิว #สุขภาพผิว